พะแนง
ประวัติ
พะแนง เป็นอาหารไทยประเภทแกง โดยมีส่วนผสมหลักของเครื่องแกง คือ พริก ข่า ตะไคร้ รากผักชี เม็ดผักชี เม็ดยี่หร่า กะเทียม และเกลือ
พะแนงเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และอาจมีวัฒนธรรมการกินแบบเขมรผสมด้วยหรือไม่ ไม่อาจยืนยันได้แต่มีการใช้ภาษาเขมร ที่เดิมใช้สำหรับการอธิบายท่าเอาขาไขว้ หรือขัดกัน ที่เรียกว่านั่งขัดสมาธิ หรือขัดตะหมาด ที่คนไทยใช้ในภาษาพูดจริงๆ แล้ว พะแนง แปลว่าท่านั่งแบบขัดสมาธิ ใช้อธิบายคำในภาษาไทยตั้งแต่ต้น หรือก่อนอยุธยา คือ พระพะแนงเชิง คือ นั่งขัดสมาธิซ้อนกัน มีทั้งพะแนง และเชิง ซึ่งมีที่มาจากภาษาเขมร และกร่อนเสียงเป็นพระพนัญเชิง ในเวลาต่อมา
ปกติพิมเป็นคนไม่ชอบทำอาหารที่มีกะทิค่ะ เพราะว่าขี้เกียจคั้นกะทิ - -" แต่มาวันนี้ที่บ้านมีเสบียงทั้งเนื้อหมู มะเขือพวง พริก มะพร้าวขูด ใบมะกรูด พิมก็เลยตัดสินใจว่าจะทำแกงกะทิหมูอะไรสักอย่าง สุดท้ายหลังจากเลือกไปเลือกมาก็ตัดสินใจทำพะแนงหมูนี่แหละค่ะ
"พะแนงหมู" .. เป็นอาหารจำพวกแกงกะทิที่พิมว่า ถ้ามีเครื่องพร้อมแล้ว มันทำไม่ยากเลยค่ะ แค่ผัดๆ ปรุงรสแป๊บเดียวก็ได้กินแล้ว วันนี้พิมเลยจะมาชวนเพื่อน ๆ เข้าครัว ทำพะแนงหมู แบบง่าย ๆ ชนิดไม่ต้องตำพริกแกงเอง ... กันค่ะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- พริกแกงแพนง 1.5 ขีด
- เนื้อหมู (สันใน) 500 กรัม
- มะพร้าวขูด 400 กรัม
- ใบมะกรูด 10 ใบ
- ใบโหระพา (ใส่หรือไม่ก็ได้)
- พริกชี้ฟ้า เขียวแดง
- มะเขือพวงเด็ดก้านแล้ว 120 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำปลาดี
- เกลือป่น
- เนื้อหมู (สันใน) 500 กรัม
- มะพร้าวขูด 400 กรัม
- ใบมะกรูด 10 ใบ
- ใบโหระพา (ใส่หรือไม่ก็ได้)
- พริกชี้ฟ้า เขียวแดง
- มะเขือพวงเด็ดก้านแล้ว 120 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำปลาดี
- เกลือป่น
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเราก็มาดูหมูกันก่อนนะคะ ปกติถ้าทำพะแนงหมู พิมจะใช้ส่วนสันในหรือไม่ก็สันนอกค่ะ แต่วันนี้ไม่มีสักกะสัน เลยขอใช้เนื้อส่วนนี้แทน ไม่แน่ใจว่าเป็นเนื้อแดง หรือว่าสะโพกนะคะ พอดีมันมีอยู่ในตู้เย็นแล้ว
นำเอาหมูทั้งก้อนไปล้างน้ำสักครั้งนึงค่ะ แล้วนำมาหั่นชิ้นตามต้องการ ปกติพิมก็จะหั่นให้บางหน่อย จะได้เข้ากับน้ำแกง ส่วนขนาดจะใหญ่แค่ไหน ก็ตามชอบค่ะ ... หั่นเสร็จ นำเอาหมูไปหมักกับน้ำปลาสัก 1 ชต. ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีค่ะ
มะพร้าวขูด ... พิมใช้ประมาณ 350- 400 กรัม (ชอบข้นมากใช้ 400 ข้นไม่มากใช้ 350) คั้นให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย น้ำกะทิ 2.5 ถ้วยค่ะ
พริกแกงแพนง .. อันนี้พิมไม่ได้ตำเองค่ะ ซื้อมาจากตลาด ..... แต่ อืม ๆ.. ไม่อร่อยเลยค่ะ พริกแกงเจ้านี้ ทั้งไม่หอม และไม่เผ็ด รสชาติและกลิ่นมันด้าน ๆ ยังไงไม่รู้ ... ต้องเสียเวลามานั่งคั่วเครื่องเทศและใส่พริกขี้หนูแห้งป่น ตำลงไปเพิ่ม ... ยุ่งยากอีก ....... ไว้คราวหน้าคราวหน้าถ้าจะซื้อ คงต้องกลับไปซื้อพริกแกงเจ้าเดิมที่เคยซื้อแล้วล่ะค่ะ
พริกชี้ฟ้าเขียวแดง หั่นไว้เป็นเส้นแบบนี้ แล้วล้างให้เมล็ดพริกออกไปค่ะ
ใบมะกรูด เลือกใบแก่ ๆ หน่อย จะได้หอม ๆ .... ล้างน้ำแล้วก็ซอยเอาไว้แบบนี้
มะเขือพวง เด็ดก้าน ... แล้วล้างน้ำให้สะอาดค่ะ
ใบมะกรูด เลือกใบแก่ ๆ หน่อย จะได้หอม ๆ .... ล้างน้ำแล้วก็ซอยเอาไว้แบบนี้
มะเขือพวง เด็ดก้าน ... แล้วล้างน้ำให้สะอาดค่ะ
เมื่อเตรียมของเสร็จ ..... ก็มาลงมือทำกัน
อันดับแรกเราจะเคี่ยวหมูให้เปื่อยก่อนนะคะ โดยเอาน้ำกะทิ 1.5 ถ้วย ใส่ลงไปในกระทะค่ะ ตั้งไฟให้เดือด แล้วใส่เนื้อหมูที่หั่นแล้วลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปประมาณ 20 นาที จนหมูสุกนุ่มตามต้องการ และน้ำกะทิเกือบจะแห้งก็ใช้ได้
จากนั้นตั้งกระทะอีกใบบนเตา เอาหัวกะทิใส่ลงไป 1/2 ถ้วย เคี่ยวไฟอ่อนให้แตกมัน ... พอแตกมันดีแล้วก็ใส่พริกแกงแพนงลงไป
ผัดจนแตกมันสวย (แกงแพนง ไม่ต้องให้แตกมันมากๆ) และส่งกลิ่นหอม (ระหว่างผัด ถ้ารู้สึกว่าพริกแกงแห้งไป ให้ช้อนหน้ากะทิ ในส่วนของน้ำกะทิค่อย ๆ ใส่ลงไปทีละน้อย แล้วผัดไปเรื่อยๆ ค่ะ)
ก็ใส่เนื้อหมูที่เราเคี่ยวไว้จนเปื่อย .. ลงไป ผัดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำกะทิที่เหลือทั้งหมดตามลงไป
ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา .... ซึ่งพิมใช้เกลือ 1/2 ชช. + น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม + น้ำปลาประมาณ 2 ชต. ค่ะ แต่สำหรับเพื่อน ๆ ต้องลองชิมดูน้ำแกงของเพื่อน ๆ ก่อนนะคะว่ารสชาติเป็นยังไง เพราะบางทีพริกแกงที่ซื้อมา อาจจะเค็มมาก (ของพิมไม่ค่อยเค็ม) หรือหากใช้กะทิกล่อง อาจจะต้องเพิ่มน้ำตาลมากขึ้น อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ
แล้วก็คนให้เข้ากัน พอเดือดอีกทีก็ชิมรสค่ะ อ่อนรสไหนไป ก็เติม แต่ถ้ามันเข้มจัดไปซะทุกรส เติมน้ำเปล่าลงไปได้พอประมาณค่ะ
เมื่อปรุงรสเข้าที่แล้ว ก็เติมหัวกะทิลงไป เร่งไฟให้แรงอีกครั้ง
แล้วก็ใส่ใบมะกรูดซอย พริกขี้ฟ้าซอย มะเขือพวงลงไป
คนให้เข้ากันสักครั้ง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ตักขึ้นใส่จาน ...... พร้อมกินกับข้าวสวยร้อน ๆ .... อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ และถ้ามีไข่เค็มสักใบ ..... จะยิ่งอร่อยมากขึ้นเป็นทวีคูณเลย ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น